Loading...

ข่าววันนี้ล่าสุด!!! ศาลพิพากษา" คุก 66 ปี ‘จุฑามาศ’ อดีตผู้ว่าททท. ลูกสาวโดน" 44 ปี คดีรับสินบนเทศกาลหนัง" ริบเงิน 62 ล้าน!!!


เมื่อวันที่ 29 มี.ค. ที่ห้องพิจารณา 708 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ อท.46/2559 ที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนางจุฑามาศ ศิริวรรณ อายุ 70 ปี อดีตผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. และน.ส.จิตติโสภา ศิริวรรณ อายุ 43 ปี บุตรสาว ร่วมกันเป็นจำเลยฐานกระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 ม.6, 11 พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคา ต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 ม.12
โดยคดีนี้อัยการโจทก์ฟ้อง ในความผิดฐานเป็นพนักงานเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเอง หรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในหน้าที่ ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ เป็นพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐ กระทำการใดๆ โดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้ออำนวยแก่ผู้เข้าทำการเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ และเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 6, 11 และ พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 22 แล้ว
นางจุฑามาศ ศิริวรรณ อดีตผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ น.ส.จิตติโสภา ศิริวรรณ บุตรสาว พร้อมทนายความเดินทางมาศาล
องค์คณะผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 12 และตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 6, 11 หรือไม่ และจำเลยที่ 2 เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดดังกล่าวหรือไม่
โดยศาลเห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า การจัดจ้างโครงการเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ มีการกำหนดเงื่อนไขโดยวิธีตกลงราคาหรือวิธีพิเศษ ไม่เหมาะสมหลายประการ เช่น เอกสารประกอบการจ้างไม่สมบูรณ์การปฏิบัติ ไม่เป็นไปตามข้อบังคับของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2538
โดยเฉพาะโครงการจัดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ ปี 2546 ไม่เป็นการจ้างบริษัทที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ ที่มีประสบการณ์ที่เคยทราบหรือเคยเห็นความสามารถผลงานมาแล้ว และไม่มีคู่แข่งขันรายงาน อันมีลักษณะเป็นการกีดกันผู้เสนอราคารายอื่นและเอื้ออำนวยแก่บริษัทของนาย เจอรัลด์ กรีน และนาง แพทริเซีย กรีน ซึ่งมีการคบคิด ตกลงวางแผน กันล่วงหน้า ระหว่างจำเลยที่ 1 กับ นาย เจอรัลด์ กรีน โดยใช้บริษัทต่างๆ ที่นาย เจอรัลด์ กรีน และนางแพทริเซีย กรีน จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นคู่สัญญาเพียง 3 บริษัท รับสัญญาจ้าง อันมีลักษณะเป็นช่องทางเพื่อให้ได้รับสัญญาจ้างและสัญญาจ้างช่วง เพื่อจัดหาสินค้าและให้บริการแก่ ททท.
วิธีการดังกล่าวแสดงโดยชัดแจ้งว่าจำเลยที่ 1 แนะนำให้ เจอรัลด์ กรีนและ นางแพทริเซีย กรีน จัดตั้งบริษัทเข้ามาเป็นคู่สัญญา กับ ททท. รวมถึงบุคคลธรรมดาที่ร่วมทำงานกับธุรกิจกรีน เกี่ยวกับโครงการภาพยนตร์นานาชาติ กรุงเทพฯ ในครั้งนี้ พฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่า จำเลยที่ 1 ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเป็นความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 12 และฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 เรียกรับเงินสินบน จากนายเจอรัลด์ กรีน และนาง แพทริเซีย กรีน
โดยได้โอนเงินไปยังน.ส.จิตติโสภา จำเลยที่ 2 และเพื่อน จำนวน 59 รายการ เป็นเงินจำนวน 1,822,294 เหรียญสหรัฐ พยานหลักฐานในคดีนี้ จึงมีน้ำหนักรับฟังได้ว่า การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดฐานเรียกรับทรัพย์สิน หรือจะยอมรับทรัพย์สิน เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในหน้าที่ ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือไม่ชอบด้วยหน้าที่ และยังเป็นความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ ททท.และบริษัทไทยแลนด์ พริวิเลจการ์ด จำกัด ทั้งเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้เพื่อตนเอง กับ นาย เจอรัลด์ กรีน และนางแพทริเซีย กรีนกับพวก ซึ่งเป็นงบประมาณของรัฐตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 6, 12
ที่นางจุฑามาศ จำเลยที่ 1 ต่อสู้ว่าไม่เคยใช้ตำแหน่งหน้าที่ฐานะผู้ว่าฯ ททท.และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดจ้างโครงการภาพยนตร์นานาชาติ และ บริษัทไทยแลนด์ พริวิเลจการ์ด จำกัด และข้อต่อสู้ของจำเลยที่ 2 ที่อ้างว่าเงินในบัญชีธนาคารจำนวน 1.8 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นรายได้จากการประกอบธุรกิจส่วนตัวกับ นาย เจอรัลด์ กรีนและบริษัทคอนซัลเทเซีย จำกัด โดยไม่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 นั้นฟังไม่ขึ้น
ส่วนศาลมีอำนาจที่จะสั่งให้ริบทรัพย์จากการกระทำผิดให้ตกเป็นของแผ่นดินได้หรือไม่นั้น ในคดีทุจริตและประพฤติมิชอบนั้น เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า เงินจำนวน 1,822,494 เหรียญสหรัฐ ปรากฏอยู่ในบัญชีเงินฝากต่างๆ ของ น.ส.จิตติโสภา จำนวนเลยที่ 2 ที่ธนาคารในต่างประเทศและที่อื่นๆ โดยมีจำเลยทั้งสองเป็นผู้กระทำความผิดทรัพย์สินดังกล่าวจึงได้มาจากการกระทำความผิด แม้โจทก์จะไม่ได้มีคำขอให้ริบเงินจำนวนนั้น แต่พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 ได้บัญญัติให้ศาลใช้ดุลยพินิจ ในการริบทรัพย์สินที่บุคคลได้มา โดยการกระทำความผิดได้
การที่นางจุฑามาศ จำเลยที่ 1 มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับ นายเจอรัลด์และนางแพทริเซียมาก่อน เมื่อจำเลยที่ 1 กำหนดโครงการต่างๆ ขึ้น บุคคลทั้งสองและจำเลยที่ 1 มีพฤติการณ์ร่วมกันทุจริต และแสวงหาประโยชน์จากโครงการที่ร่วมกันกำหนดขึ้นการทำสัญญาทุกขึ้นตอนอำพรางขึ้น ล้วนแล้วแต่เป็นสัญญาที่ผู้รับจ้างไม่มีความเชี่ยวชาญ ไม่มีประสบการณ์และไม่มีคุณสมบัติ สัญญาดังกล่าวข้างต้นขัดต่อข้อบังคับของททท.ว่าด้วยการพัสดุ
พฤติการณ์เป็นการทุจริตร่วมกันตั้งแต่ชั้นเริ่มทำสัญญา ประกอบกับต่อมาเมื่อ ททท. จ่ายเงินให้แก่กลุ่มบริษัท ธุรกิจกรีนแล้ว นาย เจอรัลด์และ นางแพทริเซีย ได้โอนเงินและสั่งจ่ายเช็ค เข้าบัญชีธนาคารในต่างประเทศ ที่จำเลยที่ 2 เปิดบัญชีไว้ สัญญาที่เกิดขึ้นจึงเป็นสัญญาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
นอกจากนี้ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 ยังได้กำหนดมาตรการริบทรัพย์สินตามมูลค่าในมาตรา 33 ไว้และเนื่องจากเงินที่ศาลสั่งริบ จำนวนดังกล่าว รวมดอกเบี้ย ซึ่งเป็นทรัพย์ที่ฝากอยู่ในธนาคารต่างประเทศ กรณีมีเหตุสมควรที่จะกำหนดมูลค่าของเงินดังกล่าวไปอีกทางหนึ่งด้วย อาศัยอำนาจตาม มาตรา 33 วรรคหนึ่ง ให้กำหนดมูลค่าของสิ่งที่ศาลสั่งริบอันเป็นมาตราทางอาญา เป็นเงิน 62,724,776 บาท
พิพากษาว่า นางจุฑามาศ จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 12 และตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 6, 11 และ น.ส.จิตติโสภา จำเลยที่ 2 มีความผิด ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 6, 11 เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท รวม 11 กระทง ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป
ตามพ.ร.บ.ความผิดของพนักงานในองค์การฯ ตามมาตรา 6 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักสุด ให้จำคุก จำเลยที่ 1 กระทงละ 6 ปี รวมจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 66 ปี เมื่อรวมโทษทุกกระทงคงจำคุกไม่เกิน 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (3) และจำคุกจำเลยที่ 2 กระทงละ 4 ปี รวมจำคุก 44 ปี และริบเงินจำนวน 1,822,494 เหรียญสหรัฐ และดอกผลที่เกิดขึ้น ให้ตกเป็นของแผ่นดิน ซึ่งศาลให้กำหนดมูลค่าสิ่งที่สั่งริบดังกล่าว ตามมาตรการสำหรับคดีอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ เพิ่มขึ้นอีกมาตรการหนึ่ง เป็นเงินจำนวน 62,724,776 บาท
ซึ่งภายหลังฟังคำพิพากษา นางจุฑามาศ และบุตรสาวยังมีสีหน้าเรียบเฉย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างที่ทนายความจำเลยทั้ง 2 กำลังยื่นประกันตัวในชั้นอุทธรณ์
ข่าววันนี้ล่าสุด!!! ศาลพิพากษา" คุก 66 ปี ‘จุฑามาศ’ อดีตผู้ว่าททท. ลูกสาวโดน" 44 ปี คดีรับสินบนเทศกาลหนัง" ริบเงิน 62 ล้าน!!! ข่าววันนี้ล่าสุด!!! ศาลพิพากษา" คุก 66 ปี ‘จุฑามาศ’ อดีตผู้ว่าททท. ลูกสาวโดน" 44 ปี คดีรับสินบนเทศกาลหนัง" ริบเงิน 62 ล้าน!!! Reviewed by tan on วันพฤหัสบดี, มีนาคม 30, 2560 Rating: 5
Loading...
ขับเคลื่อนโดย Blogger.