วันนี้ล่าสุด!!! ตอบตรงจุด" ยื่นคำขาด! “ดูเตอร์เต้” หารือ “ทรัมป์” หวังหย่าศึกโสมเเดง" โป๊ปเสนอ”นอร์เวย์”คนกลางไกล่เกลี่ย!!

วันที่ 30 เม.ย.60-เมื่อวานนี้(29เม.ย.) นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้เชิญนายโรดริโก ดูเตอร์เต แห่งฟิลิปปินส์ เดินทางไปยังทำเนียบขาว เพื่อหารือเกี่ยวกับภัยคุกคามจากประเทศเกาหลีเหนือ

สื่อท้องถิ่นระบุว่า นายทรัมป์ได้พูดคุยกับผู้นำฟิลิปปินส์ผ่านทางโทรศัพท์ ซึ่งเป็นการคุยกันอย่างเป็นมิตรอย่างมาก โดยผู้นำทั้งสองได้หารือเกี่ยวกับเรื่องภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ รวมไปถึงเรื่องที่อาเซียนแสดงความห่วงกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงในภูมิภาค ไม่เพียงเท่านั้นผู้นำจากทั้งสองฝ่ายยังหารือเกี่ยวกับประเด็นรัฐบาลฟิลิปปินส์กำลังต่อสู้อย่างหนักเพื่อขจัดยาเสพติดออกไปให้หมดจากประเทศอีกด้วย 

ก่อนหน้านี้นายดูเตอร์เตได้พูดเกี่ยวกับภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือในช่วงท้ายของการประชุมอาเซียนซัมมิทครั้งที่ 30 ที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ว่า มีความหวังให้มีการพูดคุยระหว่างทั้งสองฝ่ายเกิดขึ้น โดยจุดประสงค์ของการพูดคุยครั้งนี้ นายดูเตอร์เตต้องการให้นายทรัมป์รับรู้ว่า ไม่ควรมีสงครามเกิดขึ้น เพราะฟิลิปปินส์จะเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด และภูมิภาคเอเชียจะเป็นที่แรกที่ได้รับความเสียหายเช่นกัน 

นายดูเตอร์เต คาดว่าจะได้พูดคุยกับนายทรัมป์อีกครั้งคืนนี้ (30เม.ย.)ซึ่งผู้นำฟิลิปปินส์ต้องการกล่าวกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่า ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่างกังวลต่อสถานการณ์ตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลีระหว่างสหรัฐฯและเกาหลีเหนือ เนื่องจากขีปนาวุธเพียง1ลูกก็มีพลังทำลายล้างมหาศาล 

โป๊ปเสนอ"นอร์เวย์"คนกลางไกล่เกลี่ย

ส่วนสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประมุขเเห่งคริสตจักรแนะนำว่า นอร์เวย์ควรช่วยเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยปัญหาความขัดแย้งระหว่างเกาหลีเหนือและสหรัฐฯที่กำลังร้อนระอุ โดยสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงตรัสว่า ประเทศที่สามอย่างนอร์เวย์ควรเข้ามาเป็นคนกลางเพื่อพยายามช่วยไกล่เกลี่ยความขัดแย้งระหว่างเกาหลีเหนือและสหรัฐฯ ที่กำลังร้อนระอุอยู่ในตอนนี้ หลังจากที่เกาหลีเหนือได้ทำการทดสอบยิงขีปนาวุธนำวิถีอีกครั้งเมื่อวานนี้ (29เม.ย.)เพราะนอร์เวย์เคยเป็นผู้ไกล่เกลี่ยระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเงียบๆในข้อตกลงแผนสันติภาพออสโล(Oslo) ปี 2533 มาแล้ว 

ขณะเดียวกันสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงตรัสกับสื่อมวลชนระหว่างเดินทางกลับจากกรุงไคโร  เมืองหลวงของอียิปต์อีกด้วยว่า พระองค์พร้อมพบปะกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ในกำหนดการเยือนยุโรปเดือนพ.ค. อย่างไรก็ตาม สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงไม่แน่ใจว่ารัฐบาลสหรัฐฯได้ทำเรื่องขอเข้าพบกับพระองค์แล้วหรือไม่ 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯมีแผนเดินทางไปแคว้นซิซิลีของอิตาลีเพื่อประชุมกับผู้นำประเทศที่ติดอันดับร่ำรวยที่สุดของโลก ในวันที่ 26 – 27 พ.ค.นี้ แต่ยังไม่มีการยืนยันจากรัฐบาลสหรัฐฯว่าผู้นำสหรัฐฯจะมีการพบปะกับสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสหรือไม่

รศ.ยุทธพร อิสรชัย อดีตคณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช วิเคราะห์ปัญหาคาบสมุทรเกาหลีว่า การที่เกาหลีเหนือยังคงเดินหน้าพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ขีปนาวุธพิสัยไกล มีการซ้อมยิงเป็นระยะนั้น เพื่อต้องการแสดงแสนยานุภาพในการรบ แต่หากเทียบศักยภาพการรบแล้วเกาหลีเหนือห่างชั้นกับสหรัฐอย่างมาก ปัจจุบันนายโดนัล ทรัมป์ และฝ่ายความมั่นคงสหรัฐมีนโยบายจัดการปัญหาเกาหลีเหนือ ที่ต้องการให้ปัญหาจบเร็วที่สุด แต่สหรัฐไม่ควรหลงกลการยั่วยุ และไม่ควรแลกหมัดกับเกาหลีเหนือ เพราะขนาดของเศรษฐกิจต่างกันมาก ซึ่งหากมีการสู้รบจะทำให้เศรษฐกิจโลกได้รับผลกระทบ 

รศ.ยุทธพรกล่าวว่า ดังนั้นจึงมองว่า สหรัฐฯควรหาทางออกในการปัญหาบนคาบสมุทรเกาหลีอย่างจริงจัง หากสหรัฐปล่อยให้เกาหลีเหนือพัฒนาขีปนาวุธพิสัยไกลสำเร็จ โอกาสที่จะต่อรองจะเป็นไปได้ยากขึ้น และอาจจะกระทบกับเศรษฐกิจโลก 

ส่วนปัญหาคาบสมุทรเกาหลีจะก่อตัวกลายเป็นสงครามโลกนั้น เป็นไปได้ยาก แต่ก็ยังมีความเสี่ยงหากไม่รีบตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ซึ่งสิ่งที่น่ากลัวกว่าสงครามโลกคือการก่อการร้าย เพราะสงครามโลกรู้ว่าใครคือประเทศคู่ขัดแย้ง ที่สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยการพูดคุยเจรจา แต่การก่อการร้ายไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นที่ไหน เวลาใด