หลวงปู่ทวด (เหยียบน้ำทะเลจืด) เดิมท่านชื่อปู ท่านเกิดที่ตำบลพะโคะ อำเภอจะทิ้งพระ (ปัจจุบัน คือ สทิงพระ) จังหวัดสงขลา เมื่อวันแรม 10 ค่ำ เดือน 4 ปีมะโรง ตรงกับวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2125 เวลา 9 นาฬิกา บิดาของท่านเป็นมุสลิม ชื่อหู มารดาของท่านเป็นชาวพุทธ ชื่อจันทร์ ท่านเป็นบุตรคนเดียวของมารดาบิดา ตอนให้กำเนิดท่านนั้น มารดาของท่านอายุ 45 ปีแล้ว

หลวงปู่ทวดเริ่มเรียนหนังสือที่วัดดีหลวง ตำบลดีหลวง อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา ท่านชอบการบวชเป็นพระมาแต่เด็ก เห็นพระสวดมนต์ก็คิดว่าดี จึงไปขออนุญาตพ่อแม่ บวชเณร แรก ๆ ก็เพื่อทดลอง แต่เมื่อบวชแล้ว กลับไม่ยอมสึก ที่เป็นดังนี้คงจะเป็นด้วยบารมีเก่า ที่ท่านจะสำเร็จเป็นพระโพธิสัตว์ หรือจะได้เป็นพระสังฆราชแห่งกรุงอโยธยา (กรุงศรีอยุธยา) จึงช่วยให้ไม่อยากสึก
หลวงปู่ทวด (เหยียบน้ำทะเลจืด) บวชที่อำเภอจะทิ้งพระ ตอนที่ท่านบวชเณรนั้นมารดาบิดาของท่านมีอายุ 50 ปีเศษแล้ว ตอนท่านบวชเป็นพระ มารดาของท่านมีอายุ 60 ปีเศษ เมื่อบวชแล้วท่านได้ไปศึกษาเล่าเรียนที่จังหวัดนครศรีธรรมราชจนอายุได้ 25 ปี ระหว่างที่บวชอยู่นี้ มารดาบิดาของท่านชรามากแล้วและมีท่านเพียงคนเดียว ซึ่งเป็นความหวังที่จะให้ตอบแทนบุญคุณบิดามารดา และหวังให้ท่านเป็นกำนันผู้ใหญ่บ้าน ได้ไปขอร้องให้ท่านสึก บิดามารดาไปอ้อนวอนขอให้ท่านสึกถึงหน้ากุฏิ แต่ท่านไม่ยอมสึก
ท่านถือว่าขนาดพระพุทธเจ้าเป็นถึงเจ้าชาย และมีพระนางพิมพา พระราหุล แล้ว ยังทรงสละราชบัลลังก์ ออกบวชได้ แล้วท่านเป็นบุคคลธรรมดา จะบวชให้ตลอดไปมิได้หรือ นอกจากนี้ ท่านยังถือว่า การบวชของท่านนี้ย่อมอำนวยประโยชน์อันสูงกว่าประโยชน์ในทางโลก ด้วยเหตุนี้ท่านจึงสละมารดาบิดาของท่านไปอยู่สงขลา ท่านอยากสอบเป็นมหาอาจารย์ต่อมาท่านได้เดินทางไปเมืองอโยธยา
ที่เมืองอโยธยา ท่านไปศึกษาวิชาการต่าง ๆ อยู่ที่วัดพุทไธศวรรย์ วัดพุทไธศวรรย์นี้เป็นวัดหลวงที่พระเจ้าอู่ทองได้ทรงสร้างขึ้นเมื่อก่อนที่จะย้ายเมืองหลวงมาจากกรุงสุโขทัย พระเจ้าอู่ทองได้ทรงเสด็จมาทางเมืองแพร่ แล้วมาสร้างวัดนี้ จากนั้นแล้วทรงสร้างกรุงอโยธยาเป็นเมืองหลวง
พระเจ้าอู่ทองมักเสด็จพระราชดำเนินไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลยังวัดนี้เสมอ ๆ และได้ทรงพบกับหลวงปู่ทวด (เหยียบน้ำทะเลจืด) เป็นที่สบอัธยาศัยกัน ในที่สุด พระเจ้าอู่ทองทรงแต่งตั้งให้ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดพุทไธศวรรย์ เมื่อวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ปีกุน พ.ศ.2181 ต่อมา ท่านได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็นเจ้าคุณ ตอนนี้ท่านจึงได้เดินทางไปเยี่ยมบ้านเกิดของท่านที่สงขลาอีกครั้งหนึ่ง
การเดินทางจากกรุงอโยธยาไปยังสงขลาในสมัยนั้น ต้องใช้เรือใบแบบสำเภาเป็นภาหนะ ระยะทางไปกลับใช้เวลา 1 ปี เมื่อท่านไปเยี่ยมบ้านแล้ว ขากลับจะเดินทางจากสงขลามาอโยธยาก็ได้มาลงเรือที่สงขลา ก่อน ออกเรือ พวกลูกเรือลำที่ท่านโดยสารไปซึ่งเป็นชาวมุสลิมได้ตั้งวงเล่นไพ่กัน และเล่นกันเพลินจนลืมเตรียมน้ำจืดไว้ใช้ในเรือ เมื่อเรือออกเดินทาง คนจึงไม่มีน้ำกิน พวกชาวเรือเหล่านั้นได้พากันกล่าวหาว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเพราะมีภิกษุจัญไร คือท่านร่วมเดินทาง จึงทำให้พวกเขาลืมเอาน้ำจืดลงเรือไปด้วย จะพากันอดน้ำตาย แล้วตกลงจะจับท่านไปปล่อยไว้ที่เกาะหนูเกาะแมว
ท่านจึงอธิษฐานว่า "หากแม้ข้านี้สามารถที่จะสืบต่ออายุพุทธศาสนา ทำงานให้ศาสนารุ่งเรือง ขอให้น้ำทะเลบริเวณที่เท้าเหยียบลงไปนี้จงกลายเป็นน้ำจืดเถิด" แล้วท่านก็เอาเท้าจุ่มลงทะเล น้ำบริเวณที่ท่านจุ่มเท้าลงไปนั้นกลายเป็นน้ำจืด พวกชาวเรือสำเภานั้นจึงได้ตักขึ้นไว้ใช้ในเรือ 13 โอ่ง มีน้ำใช้ตลอดทางจนถึงอโยธยา และด้วยเหตุการณ์ครั้งนี้เองท่านจึงได้รับสมญานามว่า "หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด"

หลังจากมาอยุ่อโยธยาได้ 2 ปี (นับจาก พ.ศ. 2181) ชาวลังกาได้ทาล้อมเมืองอโยธยาไว้ และได้ตั้งปริศนาธรรมท้าพนันเอาเมืองอโยธยา เมื่อพระเจ้าแผ่นดินคิดไม่แตก ก็ได้นิมนต์พระภิกษุปู หรือ ราโม ธัมมิโก ที่วัดพุทไธศวรรย์ มาช่วยแก้ปริศนาธรรม หลวงปู่ทวดได้กู้บ้านเมืองไว้โดยอธิษฐานว่า "ถ้าหากท่านมีบารมีจะช่วยได้ก็ขอให้เกิดปัญญาแก้ไขปริศนาธรรมออก"
ในที่สุดท่านก็แก้ปริศนาธรรมได้ กรุงอโยธยาไม่ต้องตกเป็นของชาวลังกา ด้วยคุณความดีของท่านในด้านต่าง ๆ รวมตลอดทั้งที่ได้กล่าวมานั้น พระรามาธิบดีที่ 2 (โอรสพระเจ้าอู่ทอง) จึงได้ทรงสถาปนาให้ท่านเป็นสมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงอโยธยาทรงพระนามว่า "สมเด็จพระสังฆราชคูรูปาจารย์"
ขนลุกซู่!! เปืดตำนาน "หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด" เพราะเหตุใดถึงเกิดขึ้นได้ สาธุ!
Reviewed by tan
on
วันเสาร์, พฤษภาคม 20, 2560
Rating:
