โรคกลัวคุกกำเริบ!! "แกนนำแดงเอี่ยวล้มอาเซียน52" งัดทุกกลยุทธ์ทั้งขู่ ทั้งอ้าง..ให้ภัยพ้นตัว!!?? ลอยแพกี้ร์..เดียวดายในคุก!!??

จากกรณีที่แกนนำนปช. ประกอบด้วย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ นายอดิศร เพียงเกษ และนพ.เหวง โตจิราการ รวมทั้งนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาฯนปช. .ได้เดินทางมาตามหมายเรียกในวันที่8 พ.ค. ที่มาผ่าน ที่สภ.เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรีในกรณีสั่งการนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง นำกลุ่มนปช.เดินทางไปบุกล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนเมื่อปี2552 

โดยนายจตุพร ยืนยันว่าคดีดังกล่าวนี้มีการดำเนินอยู่แล้วที่สน.ดุสิต ฉะนั้นการกระทำของสภ.พัทยา จึงเป็นการซ้ำซ้อน อีกทั้งคลิปที่มีการนำมายื่นเป็นหลักฐานมีการตัดต่อ ส่วนนายแพทย์เหวง กล่าวด้วยว่า ทางแกนนำนปช.ไม่ได้สั่งการหรือบงการนายอริสมันต์ ซึ่งได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา พร้อมชี้ว่าสภ.เมืองพัทยา ไม่มีอำนาจในการทำคดี เพราะขณะเกิดเหตุนั้นพวกตนชุมนุมกันอยู่ที่สะพานชมัยมรุเชฐ

พันตำรวจเอก สหัส โหรวิชิต  รองผู้การจังหวัดชลบุรี เปิดเผยด้วยว่าแจ้งข้อกล่าวหาแกนนำทั้งหมดแล้วหลังจากนี้จะมีการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายต่อไป ยืนยันว่าคลิปที่ใช้เป็นหลักฐานนั้นมีความต่อเนื่อง ส่วนที่ผู้ถูกกล่าวหาอ้างว่าสภ.เมืองพัทยาไม่มีอำนาจทำคดีและคดีมีความซ้ำซ้อนกันนั้น จากการตรวจสอบพบว่า มีการกระทำผิดหลายคน โดยมีการแบ่งหน้าที่กันทำ แม้ผู้สั่งการจะไม่ได้เดินทางมายังท้องที่ที่เกิดเหตุก็ตาม “มันมีเรื่องข้อหามั่วสุมตั้งแต่10ขึ้นไป มีการบุกรุก แม้ที่สน.ดุสิตจะทำไปแล้วแต่มีความเกี่ยวเนื่องหลายส่วน เช่น คดี ฆาตกรรม ผู้จ้างวานไม่ได้อยู่ในท้องที่ก็จริง แต่หากหลักฐานถึง มีการแบ่งหน้าที่กันทำ ตร.ท้องที่รู้ว่าคนเหล่านั้นมีส่วนรู้เห็นก็สามารถดำเนินการได้ แต่ก็เป็นสิทธิที่ผู้ถูกกล่าวหาโต้แย้งมาว่าฟังขึ้นหรือไม่”การเผยแพร่คลิปผ่านเว็บไซต์ยูทูบ ในระหว่างที่มีการประชุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และแกนนำ นปช. ได้ระบุตอนหนึ่งว่า... ”มีพี่น้องเราสับสนกับสถานการณ์ พยายามโทรหาผมว่ามีการบุกรุกเข้าไปในโรงแรม ใช่นโยบายของทางเราหรือไม่ มีการบุกเข้าไปในโรงแรมแสดงว่าคนเสื้อแดงกระทำนอกเหนือเวทีใหญ่ใช่หรือไม่ ผมตอบว่าไม่ใช่เราต้องบุกเข้าไปในโรงแรม”

ทั้งนี้ช่วงหนึ่งของคลิปนั้นเป็นการขึ้นปราศรัยของนายอริสมันต์ ที่ได้พูดถึงภารกิจในการบุกเข้าล้มการประชุมอาเซียนในปี 2552 โดยนายอริสมันต์ระบุระหว่างปราศรัยตอนหนึ่งว่า ”ณัฐวุฒิโทรไป บอกว่าพี่กี้ร์ไม่ต้องรอแล้ว ไม่ต้องรอบุกได้ทันที ในขณะนั้นพี่ไวพจน์ของเรากำลังเป็นคนปลุกใจพี่น้องประชาชน ผมก็บอกว่าพี่ไวพจน์ สั่งคนเสื้อแดงเดินทางเข้าห้องประชุมทันทีเดินทางเข้าไปโรงแรมทันทีเพราะว่าณัฐวุฒิให้ตังค์มาแล้ว 180,000 ให้ตังค์มาแล้วแสนแปด โอ้โห สบายพี่กี้ร์พอหรือป่าวแสนแปด ผมบอกโอเคไม่เป็นไรหรอก ผมจะใช้แสนแปดให้คุ้มค่าที่สุดกับการไล่ล่าอภิสิทธิ์ในครั้งนี้ ให้สำเร็จ”

ดูเหมือนแกนนำ นปช.ทั้งหลาย จะออกอาการกลัวจนตัวสั่น โรคกลัวคุกคงกำเริบ ยกเหตุผลต่างๆนาๆ ทำทุกวิธีทางเพื่อให้ตนเองพ้นภัยคดีบุกอาเซียน 52 หวั่นชะตาจะซ้ำรอยกี้ร์ อริสมันต์ โดยก่อนหน้านี้หมอเหวงคนเก่ง ถึงขึ้นออกมาขู่ ผบ.ตร.  พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ว่า "หากใช้กฎหมายดำเนินการกับคุณณัฐวุฒิ อาจมีเหตุการณ์ที่รุนแรงเกิดขึ้นได้"ตามมาด้วย นาย จตุพร ได้กล่าวผ่านรายการพีซทีวีให้กับคนเสื้อแดงฟังว่า "เวลานี้ขอให้พี่น้องใช้ความอดทนอย่างถึงที่สุด เพราะเป็นเวลาแห่งการรอคอย ความอดทนจึงเป็นเรื่องใหญ่ที่สุด เพื่อรอให้วันของประชาชนมาถึง ส่วนใครอยากทำอะไรก็ทำไป อยากรื้อฟื้นคดีอย่างไรก็ทำได้ แต่จำเอาไว้ว่า เมื่อถึงวันของประชาชน ประชาชนจะรื้อทุกคดีเช่นเดียวกัน "

อย่างไรก็ตามคดีนี้พยานหลักฐานมันชัดเจน กระบวนการยุติธรรมต่างๆก็ได้เดินไปแล้วว่าผู้ที่กระทำการมีความผิดจริง โดยศาลสั่งจำคุกศาลอุทธรณ์โดยตัดสินพิพากษายืน จำคุกนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง พร้อม 12 คนละ 4 ปี ไม่รอลงอาญา ก่อนหน้านี้ ศาลชั้นต้นตัดสินจำคุกนายอริสมันต์และพวกคนละ 4 ปี ซึ่งปรากฏชัด เพราะฉะนั้นหากใครเป็นที่สั่งการ หรือจ้างวานมีโอกาสที่จะเข้าคุก และที่สำคัญกรณีนายอริสมันต์ ศาลไม่ให้ประกันตัว นอนคุกเลย

มาตรา 84 ผู้ใดก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดไม่ว่าด้วยการใช้บังคับ ขู่เข็ญจ้าง วานหรือยุยงส่งเสริม หรือด้วยวิธีอื่นใด ผู้นั้นเป็นผู้ใช้ให้ กระทำความผิด
            ถ้าผู้ถูกใช้ได้กระทำความผิดนั้น ผู้ใช้ต้องรับโทษเสมือนเป็นตัวการ ถ้าความผิดมิได้กระทำลง ไม่ว่าจะเป็นเพราะผู้ถูกใช้ไม่ยอมกระทำ ยังไม่ได้กระทำหรือเหตุอื่นใด ผู้ใช้ต้องระวางโทษเพียงหนึ่งในสาม ของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น

มาตรา 86 ผู้ใดกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิด ก่อนหรือขณะกระทำ ความผิด แม้ผู้กระทำความผิดจะมิได้รู้ถึงการช่วยเหลือหรือให้ความ สะดวกนั้นก็ตาม ผู้นั้นเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ต้อง ระวางโทษสองในสามส่วนของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดที่ สนับสนุนนั้น

เรียบเรียงโดย

วิลาสินี แววคุ้ม : สำนักข่าวทีนิวส์